ปืนใหญ่ดับซ่าหงส์! เก็บตก 5 ประเด็นหลังเกมพรีเมียร์ลีกคู่บิ๊กแมตช์

มุมกล้องชวนแปลกตา

 

เกมนี้เปิดมาหลายคนคงสงสัยว่านี่เรากำลังเล่นเกมฟุตบอลอยู่หรืออย่างไร? กับการปรับเปลี่ยนมุมกล้องจากเดิมที่ปักหลักถ่ายแล้วแพนกล้องไปมาตามลูกฟุตบอล เป็นการที่กล้องสามารถเคลื่อนที่ออกซ้ายขวาขึ้นลงได้อย่างเป็นอิสระ ซึ่งแรกๆอาจจะดูขัดใจไปบ้างแต่เชื่อว่าหลังจากดูไปสักพักก็เริ่มชินและคุ้นเคยกับมันไปในที่สุด

ความผิดพลาดเดียวกันของทั้งสองทีม

 

แม้จะเป็นการพบกันของสองทีมยักษ์ใหญ่ แต่เกมนี้กลับเต็มไปด้วยความผิดพลาด โดยเฉพาะแนวรับของทั้งสองฝ่ายที่เน้นเก็บบอลเพื่อสร้างสรรค์เกมจากแดนตัวเอง แต่กลับกลายเป็นสร้างโอกาสให้ฝั่งตรงข้ามแทน กับการที่จังหวะดูเหมือนจะไม่มีอะไรแท้ๆ แต่กองหลังต่างเลือกจะไม่เล่นจังหวะแรกและพยายามบังบอลให้ผู้รักษาประตู ซึ่งฝ่ายนึงไม่ออกมาเล่นส่วนอีกฝ่ายหนึ่งออกมาพลาด แต่ผลลัพธ์เหมือนกันคือเสียประตูทั้งคู่

แบรดลีย์ ไม่อยู่หนูร่าเริง

 

ก่อนเกมนี้มีประเด็นที่น่าสนใจคือการจากไปของคุณพ่อของ คอเนอร์ แบรดลีย์ แบ็กขวาดาวรุ่งพุ่งแรงของ ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มกำลังดุดันสุดๆ ทำให้วันนี้เจ้าตัวจึงไม่มีส่วนร่วมกับเกม นั่นเป็นที่มาของการที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมาลงสนามเป็นแบ็คขวาตัวจริง ซึ่งก็อย่างที่เห็นว่ารั่วสุดๆเช่นเคย จนแฟนๆลิเวอร์พูล ตั้งข้อสังเกตว่า หากเจ้าหนู แบรดลีย์ ยังอยู่ เกมนี้พวกเขาจะทำได้ดีกว่านี้หรือไม่?

กองกลางปืนใหญ่กินขาด

 

ดูเหมือนว่าการส่ง จอร์จินโญ ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้กลายเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของ มิเกล อาร์เตตา เพราะจากเดิมที่เป็นหน้าที่ของ ดีแคลน ไรซ์ ที่แทบจะแบกเกมแดนกลางไว้บนสองบ่า กลับได้คนมาช่วยแบ่งเบาภาระงาน แถมวันนี้มิดฟิลด์ชาวอิตาเลียนก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจกับการครองบอล, ตัดเกม, จ่ายบอล คุมเกมแดนกลางไว้ได้อย่างอยู่หมัดร่วมกับทั้ง ไรซ์ และ โอเดการ์ด จนเป็นที่มาของชัยชนะสุดสำคัญในค่ำคืนนี้

การลุ้นแชมป์สนุกมากขึ้น

 

ชัยชนะของ อาร์เซนอล ในเกมนี้ส่งให้พวกเขาโดดขึ้นอันดับ 2 มี 49 คะแนนจาก 23 นัดตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล เหลือเพียง 2 แต้มแล้ว ซึ่งต้องบอกเลยว่า 3 คะแนนในเกมนี้เป็นดังแสงไฟที่จุดประกายความหวังของพลพรรคปืนใหญ่ กลับมามีฮึดลุ้นแชมป์เต็มตัวอีกครั้งหลังจากฟอร์มตกไปก่อนหน้านี้จนแฟนๆบางส่วนถอดใจไปแล้ว แต่อย่าลืมว่า ลิเวอร์พูล แพ้ไม่ใช่เพียงแค่ อาร์เซนอล ที่ได้ประโยชน์แต่คนที่มาเงียบๆอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็รอโอกาสนี้อยู่เช่นกัน แม้ตามหลังจ่าฝูงอยู่ 5 คะแนน แต่เรือใบสีฟ้าแข่งน้อยกว่าทั้งคู่อยู่ถึง 2 เกมนะครับท่านผู้ชม