จ่อทำลายสถิติ! 4 ประเด็นสำคัญ หลังหงส์แดง ฟอร์มดุ บุกคว้า 3 คะแนน

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
  คืนวันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2020
 
  ไบรท์ตัน 1-3 ลิเวอร์พูล 

สนาม : ดิ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส สเตเดี้ยม

1. เกมนี้ใครพลาดน้อยกว่าชนะ

หากใครได้ดูเกมเมื่อคืนนี้จะเห็นได้เลยว่า แม้สกอร์อาจจะออกมาไม่สูสีเท่าใดนัก แต่ตลอด 90 นาทีรูปเกมนั้นค่อนข้างเปิดแลกกันได้อย่างสนุก ไบรท์ตัน เองไม่ได้เน้นตั้งรับอะไรมากแต่กลับพยายามหาจังหวะต่อบอลบุกเข้าใส่ผู้มาเยือนได้อย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ ลิเวอร์พูล กลับเป็นฝ่ายต้องถอยลงมารับและหาจังหวะโต้กลับอยู่หลายต่อหลายครั้ง

ซึ่งข้อแตกต่างในวันนี้ของทั้งสองทีมคือความแน่นอนที่ หงส์แดง ฉวยโอกาสที่มีได้ดีกว่า เฉียบขาดมากกว่า ในขณะที่เจ้าบ้านเองแม้จะทำเกมบุกได้ค่อนข้างเร้าใจ แต่พวกเขาก็ถูกลงโทษจากความผิดพลาด ทำให้เสีย 2 ประตูอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งแรกและสุดท่ายต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด

2. เจ้าหนู แลมพ์ตีย์ มีทีเด็ด

เกมนี้ผู้เล่นที่ฉายแววโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในสนามก็คือ ทาริค แลมพ์ตีย์ แบ็คขวาดาวรุ่งของ ไบรท์ตัน อดีตเด็กปั่นของ เชลซี ที่วันนี้ความเร็วของเขานั้นมันช่างหวือหวาสะดุดตาเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเกมรุกหรือรับเจ้าตัวสามารถสร้างปัญหาให้กับผู้มาเยือนได้หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะจังหวะเปิดสุดสวยนำมาสู่การได้ประตูตีไข่แตก รวมจังหวะดวลเดี่ยวสับ 100 เมตรชายแข่งกับ ซาลาห์ ที่ทำได้อย่างสูสี เผลอ ๆ อาจจะเร็วกว่าเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อีกไม่นานหนุ่มน้อยเลือดผู้ดีรายนี้อาจจะเลือกย้ายออกจากทีมไปแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับทีมที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ก็เป็นได้

3. คล็อปป์ แก้เกมได้เข้าเป้า

ค่ำคืนวันนี้ทุกการเปลี่ยนตัวของ เยอร์เกน คล็อปป์ ล้วนสร้างอิมแพ็คให้กับเกมโดยแท้ ตั้งแต่การถอดเจ้าหนู วิลเลียมส์ ที่ดูท่าจะมีปัญหากับการรับมือเกมรุกริมเส้นของเจ้าบ้านออกไปพักตั้งแต่ช่วงพักครึ่งและส่ง โรเบิร์ตสัน เข้ามาแทน นั่นทำให้ทีมดูมีมิติจากเท้าซ้ายธรรมชาติของเขามากขึ้น รวมถึงการส่ง ฟาบินโญ และ มาเน ลงมาในช่วงครึ่งหลังเพื่อบุกกดดันไม่ให้เจ้าบ้านได้โอกาสตั้งเกมขึ้นมาได้ เพราะตลอด 60 นาทีเกมรุกของ ไบรท์ตัน สามารถสร้างความอันตรายให้กับแนวรับของ หงส์แดง ได้อยู่ตลอด คล็อปป์ จึงเลือกที่จะส่งผู้เล่นที่เน้นความแน่นอนลงมาเพื่อที่จะกลับมาเป็นฝ่ายครองเกมบุก และเป็นการป้องกันไม่ให้กองหลังต้องรับบทหนักจนอาจเสียประตูเพิ่มในเกมวันนี้

4. โกเมซ ยังเป็นจุดอ่อนในแผงหลัง

แม้จะไม่ได้มีจังหวะผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัยเหมือนในเกมที่พบกับ แมนฯ ซิตี้ แต่วันนี้ก็เป็นอีกเกมที่ โจ โกเมซ มีปัญหาการรับมือกับความเร็วของผู้เล่น ไบรท์ตัน ทั้ง ทาริค แลมพ์ตีย์ ทั้ง อารอน คอนนอลลี ที่มีสปีดเป็นจุดเด่นและสามารถใช้เล่นงานในตำแหน่งที่ โกเมซ ต้องรับผิดชอบได้หลายครั้ง ยังดีที่พวกเขายังมีเซ็นเตอร์ตัวท็อปอย่าง ฟาน ไดจ์ค ที่คอยช่วยประคองเก็บกวาดจังหวะสุดท้ายเอาไว้ได้หลายครั้ง มิฉนั้นก็เป็นไปได้ว่าผลการแข่งขันอาจไม่ออกมาขาดลอยขนาดนี้ก็เป็นได้