ข่าวฟุตบอลข่าวฟุตบอลอื่นๆ

“ฟานไคด์” ผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 2019 ของ ยูฟ่า

88star ufa14k ufasexygame2 ufajaz
แชร์ไปให้เพื่อน

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังจอมแกร่ง ลิเวอร์พูล เอาชนะ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 2019 ของ ยูฟ่า หลังทำผลงานระดับมาสเตอร์พีซร่วมกับทัพ “หงส์แดง” เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่งของ ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผงาดคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2019 ของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ที่ราชรัฐโมนาโก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา

กองหลังจอมบุก ถือเป็นกำลังสำคัญในการช่วยทัพ “หงส์แดง” ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2018/19 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และล่าสุดก็เพิ่งได้แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2019 ร่วมกับทีมสดๆ ร้อนๆ หลังจากที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะดวลจุดโทษ 5-4 (เสมอ 2-2 ใน 120 นาที) เมื่อวันพุธที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ฟาน ไดค์ ยังได้รับรางวัลกองหลังยอดเยี่ยม ยูฟ่า ด้วย ในขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารเพื่อนร่วมสังกัดคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม สำหรับกองกลางยอดเยี่ยมเป็นของ แฟรงกี้ เดอ ยอง ที่เล่นได้โดดเด่นกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ปัจจุบันย้ายมาอยู่บาร์เซโลน่า) และ ลิโอเนล เมสซี่ หัวหอกบาร์ซ่า สอยรางวัลกองหน้ายอดเยี่ยม

ทั้งนี้ ฟาน ไดค์ ซึ่งเป็นกองหลังคนแรกที่ได้รางวัลนี้นับจากที่ยูฟ่าเริ่มมอบหลังฤดูกาล 2010/11 ได้รับคะแนนโหวต 305 คะแนน ชนะ ลีโอเนล เมสซี่ กองหน้าอาร์เจนไตน์วัย 32 ของบาร์เซโลน่าขาดลอย โดย เมสซี่ เป็นดาวยิงสูงสุดของแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว (12 ประตู) และได้รางวัลรองเท้าทองคำอีกสมัยจากการยิงให้บาร์เซโลน่าในลา ลีกา ได้ถึง 36 ประตู จากการลงสนาม 34 นัด ช่วยบาร์ซ่าคว้าแชมป์ลา ลีกา ไปครองเป็นสมัยที่ 26 อันเป็นสมัยที่ 10 ของเขา แต่ได้คะแนนโหวตเพียง 207 คะแนน ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 74 คะแนน โดยกองหน้าวัย 34 ของยูเวนตุส ได้แชมป์เนชั่นส์ ลีก 2019 กับทีมชาติโปรตุเกส และแชมป์เซเรีย อา กับยูเว่ กับยิงประตูในเซเรีย อา ได้ 21 ประตู จาก 31 นัด แต่ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เขายิงได้ 6 ประตูจาก 9 นัด ยูเวนตุสจอดป้ายที่รอบควอเตอร์ไฟนัลเท่านั้น

ส่วนอันดับ 4-10 ที่ประกาศคะแนนตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วมีดังนี้ อันดับ 4 อลีสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล, บราซิล) 57 คะแนน, อันดับ 5 ซาดิโอ มาเน่ (ลิวอร์พูล, เซเนกัล) 51 คะแนน, อันดับ 6 โม ซาล่าห์ (ลิวอร์พูล, อียิปต์) 49 คะแนน, อันดับ 7 เอแด็น อาซาร์ (เชลซี, เบลเยียม) 38 คะแนน, อันดับ 8 มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ (อาแจ็กซ์, ฮอลแลนด์) 27 คะแนน, เฟร็งกี้ เดอ ยอง (อาแจ็กซ์, ฮอลแลนด์) 27คะแนน และอันดับ 10 ราฮีม สเตอร์ลิง (แมนฯ ซิตี้, อังกฤษ) 12 คะแนน

สำหรับรางวัลนักเตะแห่งปีของยูฟ่า พิจารณาผลงานของผู้เล่นตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาในทุกรายการ ทั้งบอลลีกและบอลถ้วยในประเทศ กับทัวร์นาเมนต์ระดับทวีป ไม่ว่าจะเป็นกับทีมสโมสรหรือทีมชาติ โดยคณะกรรมการประกอบด้วยโค้ชลูกหนังของสโมสรที่ได้ลงแข่งในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก 32 คน, โค้ชทีมที่ได้เล่นรอบแบ่งกลุ่มยูโรปา ลีก 48 คน และผู้สื่อข่าวของสมาคมสื่อมวลชนกีฬายุโรป หรือ ESM อีก 55 คน        นอกจากนั้นยังมีการประกาศรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้

 

    สรุปผู้เล่นยอดเยี่ยมแต่ละตำแหน่งของยูฟ่า 

ผู้รักษาประตู : อลิสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล)

กองหลัง : เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล

กองกลาง : แฟร้งกี้ เดอ ยอง (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปัจจุบันย้ายไปอยู่ บาร์เซโลน่า)

กองหน้า : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)

นักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 2019 : เฟอร์กิล ฟาน ไดค์

 

ส่วนรางวัลพิเศษจากประธานยูฟ่าในปีนี้เป็นของ เอริก คันโตน่า หรือ ก็องโต้ อดีตนักเตะในตำนานของแฟนๆ ปีศาจแดง ซึ่ง อเล็กซานเดอร์ เชเฟริน ประธานยูเอฟ่า ได้ยกย่องว่าเขาคือ “ผู้เล่นที่มีความสามารถสูงสุดผู้ใช้ใจและจิตวิญญาณของเขาในการสนับสนุนเรื่องที่เขาเชื่อ” อันหมายถึงการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นในกิจกรรมการกุศลต่างๆ รวมถึงร่วมสนับสนุนโครงการ “Common Goal” ที่ ฆวน มาต้า ร่วมก่อตั้ง โดยทั้ง เชเฟริน และ คันโตน่า ได้บริจาครายได้ 1% ต่อปีตามคอนเซปต์ของโครงการนี้ ที่จะนำเงินไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสหลายรูปแบบด้วย

อดีตกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสผู้เคยค้าแข้งกับโอแซร์, มาร์กเซย, บอร์กโดซ์, ลีดส์ ยูไนเต็ด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงปี 1992-1997 ฝากผลงานไว้กับทีมปีศาจแดง 64 ประตู จากการลงเล่น 143 นัด และมีส่วนสำคัญบนเส้นทางสู่แชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 1992-93 ของทีม ซึ่งเป็นแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกของแมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบ 26 ปี โดยฤดูกาลก่อนหน้านั้นเขาก็พาลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุดที่ยังใช้ชื่อว่าดิวิชั่น 1 เป็นปีสุดท้ายสำเร็จด้วย นอกจากนั้น ก็องโต้ ยังได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก กับแมนฯ ยูไนเต็ด อีก 3 สมัย ในฤดูกาล 1993–94, 1995–96 และ 1996–97, แชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย (1994 และ 1996), โล่แชริตี้ ชิลด์ 3 ครั้ง (1993, 1994 และ 1996) ทั้งนี้ ก็องโต้ วัย 53 ในปัจจุบัน นับเป็นอดีตตำนานแมนฯ ยูไนเต็ด คนที่ 3 ที่ได้รางวัลพิเศษจากประธานยูฟ่าต่อจาก เดวิด เบ็คแฮม กับ เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน

 

มุมแสดงทรรศนะ