ฟีร์มีโน่ลงสำรองมายิงให้ลิเวอร์พูลเชือดปารีสฯ ประเดิมชปล.สุดมันส์

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ซิวสามแต้มแบบระทึกหลัง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตัวสำรองที่กลายเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยช่วงทดเจ็บพาทีมคว้าชัยเหนือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบสุดมันส์ 3-2 คว้าสามแต้มสำคัญ ในเกมเปิดหัว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม ซี ที่แอนฟิลด์ เมื่อคืนวันอังคารที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล เกมนี้ตัดสินใจส่ง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ แทนที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่เป็นแค่สำรองข้างสนาม โดยจะทำเกมรุกร่วมกับ โมฮาเหม็ดซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ ขณะที่แดนกลางดร็อป นาบี เกอิต้า แล้วส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมปั้นเกมร่วมกับ เจมส์ มิลเนอร์ และจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม

ส่วนทางฝั่ง เปแอสเช ของ โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ชาวเยอรมันจัดสามประสานแนวรุกทั้ง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เอดินสัน คาวานี่ และเนย์มาร์ โดยมี อังเคล ดิ มาเรีย เป็นเพลย์เมกเกอร์ทำเกมอยู่ข้างหลัง

เริ่มเกมมาแค่ 6 นาทีแรก “หงส์แดง” ได้ลุ้นก่อนเลย เมื่อ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ได้หวดด้วยขวาเต็มใบ บอลพุ่งไปติดเซฟของ อาเรโอล่า ปัดบอลออกไปได้

ลิเวอร์พูล บดหนักและรุกอย่างต่อเนื่อง นาที 10 ได้เตะมุมทางฝั่งขวา ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะโชว์เทพเกือบปั้นจากมุมธงเข้าประตู แต่ดีที่ อาเรโอล่า จะไวปัดปลายมือข้ามคาน

เปแอสเช กว่าจะตั้งเกมได้ต้องรอถึง นาที 17 และหวิดได้ลุ้นขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะที่ เนย์มาร์ แหวกเข้าไปยิงเต็มข้อบอลพุ่งไปติดมือ อลีสซง กระดอนมาเข้าทาง คาวานี่ แต่ซ้ำเบาไปเข้ามือนายด่านชาวบราซิเลี่ยนอีกครั้ง

นาที 24 ทีมเยือนเริ่มได้สวนบ่อยขึ้น คราวนี้ เนย์มาร์ ไหลให้ ดิ มาเรีย ได้ส่องบ้างแต่บอลยังไม่ผ่านแนวรับ อลีสซง รับไว้ได้สบาย

จากนั้นแค่นาทีเดียว มาเน่ เกือบแผลงฤทธิ์หลังโยกหลอกแข้งอาคันตุกะในกรอบก่อนเลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งติดไซด์ก้อยออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น

เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง “เดอะ ค็อป” ได้เฮกันลั่นทั่วแอนฟิลด์ เมื่อ ลิเวอร์พูล มาเบิกสกอร์แรกของเกมขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสบอลมาเข้าหัว แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ขึ้นเทกสะบัดเน้นๆ ผ่านตัว อาเรโอล่า เข้าไป

นาที 34 เปแอสเช เกือบได้ตีเสมอทันควัน เนย์มาร์ เปิดเตะมุมเลียดมาบริเวณจุดโทษให้ เอ็มบั๊ปเป้ ที่วิ่งมาหวดด้วยขวาเน้นๆ บอลเหินคานไปหวุดหวิด

ทว่า นาที 36 กลายเป็นเจ้าถิ่นที่ได้ประตูที่สองนำโด่งแบบรวดเร็ว จากจังหวะโต้กลับของ ซาลาห์ เปิดเข้ากลางไปติดแนวรับเปแอสเช บอลมาถึง ไวนัลดุม ก่อนจะเลี้ยงแหวกเข้าไปแล้วโดน ฆวน เบร์นาต​ ทำฟาวล์ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ และเป็น เจมส์ มิลเนอร์ สังหารเข้าไปไม่พลาด ลิเวอร์พูล ขึ้นนำเปแอสเช 2-0

  นาที 40 ปารีสฯ มาทวงคืนตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 จนได้ จากจังหวะครอสบอลทางด้านซ้ายบอลตกโดน โรเบิร์ตสัน แล้วมาเข้าทาง โธมัส เมอนิเย่ร์​ หวดด้วยซ้ายสวนตูมเดียวเบียดเสาเข้าไปชนิดที่ อลีสซง หมดสิทธิ์ป้องกัน

จบครึ่งเวลาแรก เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2-1

ครึ่งหลัง นาที 57 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสพังประตูหนีห่าง หลัง ไวจ์นัลดุม ซัดบอลไปติดแนวรับทีมเยือน บอลเลยมาถึง สเตอร์ริดจ์ แตะบอลยาวไปถึง ซาลาห์ ยิงเข้าไปแล้ว แต่ต้องดีใจเก้อ เมื่อผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะที่ สเตอร์ริดจ์ ไปเข้าฟาวล์ยันใส่ อาเรโอล่า ก่อนทำให้สกอร์ยังเหมือนเดิม

นาที 60 หงส์แดงได้ลุ้นอีกรอบ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลมาให้ สเตอร์ริดจ์ โขกเน้นๆ แต่บอลยังโดน อาเรโอล่า เซฟไว้ได้อีก

สเตอร์ริดจ์ หวังจะพังประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ให้ได้ นาที 65 รับบอลจาก เฮนเดอร์สัน ก่อนตัดเข้ากลางซัดไกลบอลลอยโด่งข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น และเป็นจังหวะสุดท้ายก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเปลี่ยนเอา โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงมาเล่นแทน

นาที 82 โอกาสของ หงส์แดง มีอีกครั้ง คราวนี้เป็น มาเน่ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบบอลพุ่งแรงถากเสาสองออกไปแบบได้เสียว

แต่นาทีต่อมา แฟนเจ้าถิ่นต้องเงียบกริบ เมื่อ เปแอสเช มาตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จ จากจังหวะที่แข้งลิเวอร์พูลจ่ายบอลกันพลาด โดน เนย์มาร์ เลี้ยงบอลแหวกก่อนหักมาให้ เอ็มบั๊ปเป้ วิ่งมายิงเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างเด็ดขาด

  เกมเหมือนจะจบด้วยการแบ่งแต้ม แต่ช่วงทดเวลาเจ็บ นาที 90+2 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูชัย จากความสามารถเฉพาะตัวของ ฟีร์มีโน่ ที่หลุดเข้าไปในกรอบ ล็อกด้วยซ้ายก่อนยิงอัดด้วยขวาบอลพุ่งเลียดเสียบเสาสองเข้าไป ให้ “หงส์แดง” แซงขึ้นนำ 3-2

    ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบหืดจับ 3-2 เก็บสามแต้มสำคัญไว้ได้

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตันทีม), จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (เชอร์ดาน ชากิรี่ น.85), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.72), ซาดิโอ มาเน่ (ฟาบินโญ่ น.93

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง : อัลฟงส์ อาเรโอล่า – โธมัส เมอนิเย่ร์, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), เพรสแนล คิมเพมเบ้, ฆวน เบร์นาต – อาเดรียง ราบิโอต์, มาร์กินโญส, อังเคล ดิ มาเรีย (เอริก มักซิม ชูโป-โมติง น.80) – คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เอดินสัน คาวานี่ (ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ น.80), เนย์มาร์

ผู้ตัดสิน : คูเนย์ต ซาคีร์ (ตุรกี)